RSS
Facebook
Twitter

วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แปลงข้อมูลจากหนังสือ เป็นเอกสารใน MS Word 

OCR Software โปรแกรม แปลงข้อมูลจากหนังสือ มาเป็นเอกสารใน MS Word


       ถ้าท่านเป็นนิสิต นักศึกษา อย่าพลาด! เชิญอ่านข้อมูลทางนี้ ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับท่านโดยเฉพาะ เนื่องจากสิ่งที่ผมจะเขียนนี้ จะช่วยให้ท่านสามารถทำรายงาน หรือจะหา รายได้พิเศษจากการรับจ้างพิมพ์รายงาน
       ก็คงไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด คุณๆ คงเคยประสบปัญหาว่า แต่ละเทอมต้องทำรายงานกันหลายๆ ฉบับ บางฉบับอาจต้องทำเป็น 10 หน้า 100 หน้าใช่ใหมครับ รายงานแต่ละฉบับก็ต้องไปค้นคว้าจากห้องสมุด จากนั้นก็มานั่งพิมพ์กัน พิมพ์ผิดถูกก็มาก แต่หลังจากท่านอ่านเรื่องนี้แล้ว ปัญหาของคุณจะหมดไปทันที

       ปัจจุบัน (จริงๆ แล้วมีมานานมากแล้ว) เราสามารถนำข้อมูลจากหนังสือ มาทำการ Scan ด้วยเครื่อง Scanner จากนั้นใช้โปรแกรมประเภท OCR (Optical Character Recognition) มาทำการแปลงภาพที่ได้ ให้อยู่ในรูปแบบของ MS Word จากนั้นมาแต่ง เพิ่มเติมได้ โดยไม่จำเป็นต้องคีย์ใหม่ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดขั้นตอนในการพิมพ์ และที่สำคัญข้อมูลส่วนใหญ่ก็ถูกต้องเกือบ 100%


อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมี

1. เครื่องคอมพิวเตอร์
ถ้าไม่มีคอมพิวเตอร์ ก็เลิกคิดได้เลย เพราะวิธีการทั้งหมดนี้จะต้องทำผ่านคอมพิวเตอร์เท่านั้น

2. เครื่อง Scanner
อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับ Scan ภาพเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ (คล้ายเครื่องถ่ายเอกสาร) ที่เก็บในรูปแบบของไฟล์ข้อมูล
คุณสามารถอ่านรายละเอียดและวิธีการเลือกซื้อเพิ่มเติมได้ที่  http://www.it-guides.com/tips/tip_202.html
หลังจากการ Scan ภาพให้ save เป็น file ที่โปรแกรม OCR support เช่น OmniPage จะ support file ประเภท Bmp, Jpg, Gif, Tiff, Pcx...

3. Software ประเภท OCR
โปรแกรมสำหรับ convert ภาพที่ได้จากการ scan มาเก็บในรูปแบบของตัวอักษรในโปรแกรม MS Word
โปรแกรมต่างประเทศ มักจะไม่สามารถ convert ภาษาไทยได้ ดังนั้น ควรเลือกใช้งานให้เหมาะสมด้วย
สำหรับโปรแกรม OCR ของคนไทย ได้แก่ Thai OCR (หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : www.nectec.or.th )
แต่ถ้าของต่างประเทศ ได้แก่ Omnipage

4. Software MS Word
โปรแกรมพิมพ์เอกสาร ที่เป็นที่นิยมกันทั่วโลก


ขั้นตอนในการทำแปลงภาพ - Omnipage program



Scan ข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์
เริ่มต้นด้วยการนำข้อมูลที่ต้องการ นำมา Scan เข้าสู่คอมพิวเตอร์ หลักการ scan นั้นเข้าตั้งค่าไว้ที่ Line Art และเลือกความละเอียดที่ 200 dpi จากนั้น save ให้อยู่ในรูปแบบ Jpg



Open OCR program
เปิดโปรแกรม OCR จากนั้นเลือก Auto Convert (ปุ่มหมายเลข 1)
โปรแกรมจะเปิดหน้าต่าง wizard เพื่อบอกขั้นตอนการทำงานตั้งแต่
เปิดไฟล์, แปลงไฟล์, ตรวจสอบไฟล์, และบันทึกไฟล์



หรือท่านอาจเลือกทำตามขั้นตอนดังนี้
1. คลิกปุ่มหมายเลข 2 Load Image - ให้เลือกไฟล์ที่ต้องการแปลง
2. เลือกปุ่มหมายเลข 4 OCR and Check (ไม่จำเป็นต้องทำหมายเลข 3 ก็ได้)
3. โปรแกรมจะตรวจสอบและแสดงรายการที่มีปัญหา เราสามารถข้ามไป โดยเลือก Done (ดูภาพประกอบข้อ 3. Checking)
4. เพื่อเลือกบันทึกได้ โดยกดปุ่มหมายเลข 5 Save as

3. Checking
หลังจากที่โปรแกรม convert แล้ว จะมีหน้าต่างแสดงการตรวจสอบข้อมูล เนื่องจากโปรแกรมยังไม่สามารถตีคำหรือข้อความนั้นได้ (สาเหตุอาจเนื่องมาจากต้นฉบับไม่คมชัดพอ)
เราสามารถคลิกปุ่ม Ignore ผ่านไปก่อนได้ หรือกด Done



Save as MS Word
จากนั้นให้ Save ให้อยู่ในรูปแบบ Microsoft Word
แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว... ปัจจุบันโปรแกรม Omnipage สามารถ support ข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบตารางได้แล้ว




เว็บแปลงเอกสาร จากอิมเมจ เป็น ข้อความแบบออนไลน์
http://arnthai.nectec.or.th/UploadSend.asp

       การให้บริการไทยโอซีอาร์ผ่านอินเทอร์เน็ตของซอฟต์แวร์อ่านไทย 2.5 เป็นเพียงบางส่วนของโปรแกรมอ่านไทยฉบับสมบูรณ์ ดังนั้น ความสามารถของการให้บริการผ่านระบบอินเทอร์เน็ต จึงมีข้อจำกัดอยู่บ้าง ดังนี้
1. ภาพต้นฉบับควรเป็นไฟล์ภาพ (jpg) ที่มีเฉพาะข้อความเท่านั้น
2. ภาพต้นฉบับควรมีความละเอียดมากกว่าหรือเท่ากับ 300 dpi โดยประมาณ
3. ภาพต้นฉบับควรมีขนาดไม่เกิน 600 kbytes
จับภาพหน้าจอ ด้วยโปรแกรม Super Screen capture

       จิ๋วแต่แจ๋วจริงๆ โปรแกรม Super Screen capture  สำหรับจับภาพหน้าจอ ขนาดของไฟล์ประมาณ 1.42 MB เท่านั้นเอง

เหอะๆ เพิ่งลง windows ใหม่ ยังไม่ได้หารูปสวยมาใส่ ดูแบบดั้งเดิมไปก่อนหละกันนะ อิอิ

มาดูหน้าตาของเจ้าโปรแกรม Super Screen capture กัน :)


หลังจาก Install แล้ว เลือกได้ตามใจชอบว่าต้องการใช้บริการรูปแบบใด สำหรับเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้ คือ  Super Screen capture Pro Edition จ้า


คำสั่งที่จะใช้งานก็จะอยู่ประมาณนี้จ๊ะ
Full screen  คือ การกำหนดให้จับภาพหน้าจอทั้งหมด

window      คือ การกำหนดจับภาพหน้าจอเฉพาะหน้าต่างที่เราต้องการเท่านั้น

Scroll         คือ การกำหนดจับภาพใน กรณีที่ต้องการจับภาพทั้งหมดที่มีอยู่ในโฟลเดอร์หรือหน้าต่างนั้นทั้งหมด   แต่เรา ไม่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด เราสามารถใช้ การคำสั่งนี้จับภาพได้จ๊ะ

shape        คือ การกำหนดรูปแบบการจับภาพ ซึ่งเราจะสามารถเลือกได้ดังนี้
            
                              Rectangle   คือ การจับภาพให้มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม

                               ellipse        คือ การจับภาพให้มีลักษณะเป็นรูปวงรี


polygon คือ การจับภาพให้มีลักษณะเป็นรูปหลายๆเหลี่ยม


Video คือ การจับภาพเป็นลักษณะภาพเคลื่อนไหว ตรงนี้จะได้ ไฟล์นามสกุล avi จ้า


Video Record สามารถกำหนดเฉพาะตำแหน่งการบันทึก หรือ จะบันทึกทั้งหน้าจอก็ได้ ถ้าต้องการบันทึกทั้งหน้าจอ เมื่อเริ่มต้นกดปุ่ม record จะเห็นพื้นสีเขียวบางๆ บอกตำแหน่งที่จะบันทึก เมื่อกดบันทึกพื้นสีเขียวบางๆ จะหายไปเหลืออยู่แต่กรอบที่บอกตำแหน่งการบันทึกวีดีโอ หากต้องการบันทึกทั้งหน้าจอ ให้กด Full Screen พื้นสีเขียวบางๆก็จะขยายออกบอกขอบเขตของการบันทึกวีดีโอ เมื่อกดปุ่ม record พื้นสีเขียวบางๆก็จะหายไป นั้นคือการเริ่มต้นการบันทึก เมื่อต้องการหยุดบันทึกให้ปุ่มที่อยู่ด้านล่างที่ taskbar


Audio คือ การบันทึกเสียงจากหน้าจอ ตรงนี้จะได้ ไฟล์นามสกุล wav จ๊ะ
เริ่มต้นการบันทึกเลือก record เมื่อต้องการหยุดก็เลือก stop


Toos คือ ใช้สำหรับเข้าไปจัดการหรือปรับแต่ง และเพิ่มข้อความให้กับภาพที่เราจับภาพไว้
ด้านบน   คือ ภาพที่เราจับภาพไว้ทั้งหมด
ด้านล่าง  คือ ภาพที่เลือกมาเพิ่มจัดการปรับแต่ง


Crop คือ การตัดส่วนที่ไม่ต้องออกไปให้เหลือเฉพาะส่วนที่เราต้องเท่านั้น

Text เลือกคำสั่งนี้เพื่อสร้างขอบเขตของการเพิ่มข้อความที่ต้ดออก
               Figure  =>กำหนดรูปแบบของกรอบข้อความ
                Round=>ความโค้งมนของกรอบพื้นหลังข้อความ ถ้าต้องการให้เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ให้คลิกเครื่องหมายถูกออก
                font    =>เลือกรูปแบบอักษร สี และขนาดตัวอักษร

การพิมพ์ข้อความในช่องสำหรับพิมพ์ข้อความจะแสดงเป็นตัวอักษรธรรมดาเหมือนกับว่า เรา ยังไม่ได้เปลี่ยนฟ้อน ไม่ต้องตกใจ ตัวอักษรจะไปปรากฏตามฟ้อนที่เราเลือกตรงตำแหน่งที่ เรากำหนดให้แสดงข้อความจ๊ะ


                 Background Opacity=>กำหนดความเข้มของสีพื้นหลังของข้อความ

ถ้าต้องการเก็บรูปแบบการตั้งค่าตัวอักษรที่เราตั้งใว้ใช้งานตลอดก็คลิกเครื่องหมายถูกหน้า Save as the defaults

                  Shadow Opacity กำหนดความเข้มและสีของเงาของพื้นหลังข้อความ
                  Outline Color กำหนดสีของขอบพื้นหลังข้อความ
          
Resize คือ การปรับขนาดของภาพที่เราจับภาพไว้

Rotate คือ การหมุนภาพครั้งละ 90 องศา

Flip คือ การพลิกภาพกลับคนละด้านกับภาพต้นฉบับ จากซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้าย

Mirror คือ การพลิกภาพกลับคนละด้านกับภาพต้นฉบับ จากด้านบนลงด้านล่าง หรือด้านล่างพลิกขึ้นด้านบน

Invert คือ การกลับเป็นสีตรงข้ามกัน เช่น ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ เป็นต้น

Color คือ การปรับค่าสี

Border คือ การปรับขอบของรูปภาพที่เราจับภาพ ซึ่งสามารถปรับคุณสมบัติต่างๆได้

Shadow =>กำหนดขนาดเงาของภาพ
Background =>กำหนดขนาดของพื้นหลัง
Effect Size =>กำหนดรอยยักของขอบภาพ
Outline =>กำหนดขนาดของขอบภาพ
Outline Color =>กำหนดสีของขอบภาพ

ถ้า ต้องการเก็บค่าที่ตั้งไว้ใช้งานตลอดไป ก็ให้คลิกเครื่องหมายถูก Save these settings as the defaults ต้องการเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเลือก Reset หลังจากตั้งค่าทุกอย่างเรียบร้อยให้บันทึก

Option คือ  การปรับแต่งคำสั่งต่างๆเพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน

Interface  = >การกำหนดขนาดของไอคอน
Audio Setting => การกำหนดค่าเกี่ยวกับเสียงที่จะบันทึก
Hot Keys => กำหนดปุ่มใช้งานทางลัด

Output =>การจัดการส่งไฟล์ภาพไปยังที่เก็บ
                        Temp Folder =>กำหนดที่เก็บไฟล์ภาพ
                        Output Default Format =>กำหนดค่ามาตราฐานของไฟล์ภาพ
                        Jpg file compression=> กำหนดค่าความละเอียดของไฟล์ภาพ


Buy Now  ไม่ต้องอธิบายเนาะ ตามใจผู้ใช้แล้วกันเน้อ อิอิ

วิธีการการใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก

เลือก คำสั่งรูปแบบการจับภาพโดยเรียกใช้คำสั่งจากtaskbarหรือใช้ Hot keys แล้วเริ่มต้นการจับภาพได้เลยจ๊ะ เมื่อได้ภาพที่ต้องการก็คลิกเมาท์ 1 ครั้ง ภาพก็จะไปอยู่ที่โฟล์เดอร์ที่เราตั้งค่ากำหนดไว้
วิธี ใส่เพลง ลง PowerPoint


เปิด ppt ที่ต้องการใส่เพลงหรือไฟล์เสียงอื่นๆ
ไปที่ Insert --> Movies and Sounds --> เลือกไฟล์จากไดเรคโทรี่ที่ต้องการ


มันจะถามว่า ให้เล่นอัตโนมัตเลย หรือเล่นเมื่อคลิ้กไฟล์นั้นๆ


แล้วก็จะได้อันนี้มา ไปที่ Design (ในกรณีที่ยังไม่ได้เปิดเมนูด้านข้าง) --> Custom Animation


ไรท์คลิ้กที่ไฟล์เสียงนั้นๆ เลือก Effect Options


ปรับแต่งที่ส่วนของ Stop playing (จะให้มันหยุดเมื่อไหร่) 


ในกรณีที่ต้องการให้มันเล่นทั้งเพลง ทั้งไฟล์ ตั้งแต่สไลด์แรก จนจบ ก็แค่ใส่ลำดับสไลด์สุดท้าย ของพาวเวอร์พอยท์


จาก นันก็เหลือแค่จัดลำดับความยาวของแต่ละหน้า PPT หรือจะใช้วิธีคลิ้กเอาเองก็ได้ ตัวอย่างด้านบน มี 10 หน้า ตั้งไว้ว่าให้มันหยุดที่หน้าที่ 10 หากว่ามีหน้าที่ 11 เพิ่มขึ้น แล้วคลิ้กต่อ เพลงก็จะหยุดทันที

แต่กรณีนี้จะต้องมีไฟล์เพลงพกไปด้วยทุกที่ที่จะใช้ ppt นี้

หากต้องการจะลดปัญหา ลืมก๊อบเพลงไป ไฟล์ไม่เล่น นี้แล้ว ก็ทำได้ด้วยวิธี แทรกไฟล์เสียงที่เป็นไฟล์.wav จะเห็นว่า ไฟล์ที่มีไฟล์เสียงฝังอยู่ กับที่ไม่มีไฟล์เสียงฝังอยู่ ขนาดไฟล์จะต่างกันมาก


ลองมาทดลองสร้างไฟล์กัน เริ่มต้นจากไฟล์.ppt  ธรรมดา ขนาด 539KB

อ้างถึง
เสียงฝังตัวและเสียงที่เชื่อมโยง

ตามค่าเริ่มต้น เฉพาะแฟ้มเสียง .wav (WAV: รูปแบบแฟ้มที่ Windows ใช้จัดเก็บข้อมูลเสียงในรูป waveform แฟ้มดังกล่าวจะมีนามสกุลเป็น .wav โดยหนึ่งนาทีของข้อมูลเสียงจะใช้เนื้อที่เก็บน้อยที่สุดแค่ 644 กิโลไบต์หรือมากที่สุดที่ 27 เมกกะไบต์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ด้วย) (Waveform Audio Data) ที่มีขนาดเล็กกว่า 100 กิโลไบต์ (KB) เท่านั้นที่สามารถฝังตัวอยู่ในงานนำเสนอของคุณได้ ชนิดแฟ้มสื่อและแฟ้ม .wav ที่มีขนาดใหญ่กว่า 100 KB จะถูกเชื่อมโยง ถ้าคุณต้องการให้แฟ้มเสียง .wav อยู่ในงานนำเสนอของคุณ คุณสามารถเพิ่มขนาดของแฟ้มฝังตัวให้มีขนาดสูงสุดถึง 50,000 KB (50 เมกะไบต์) ได้ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขีดจำกัดนี้จะเป็นการเพิ่มขนาดโดยรวมของงานนำเสนอของคุณ และอาจทำให้ประสิทธิภาพของงานนำเสนอช้าลง

เมื่อปรับขนาดไฟล์ที่อนุญาตให้แนบ/ฝังแล้ว 


ก็ให้แนบไฟล์เสียง.wav  อีกครั้ง แล้วเซฟไฟล์ 


ทีนี้ก็จะได้ไฟล์.ppt  ขนาด 2.32MB 


นั่นก็คือ ไฟล์เสียงนั้นๆ ได้ถูกฝังลงไปกับไฟล์.ppt แล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มีไฟล์เสียงแยกต่างหากเก็บไว้ด้วยกัน เปิดไฟล์งานนำเสนอนั้นๆ มันก็ยังมีเสียง เช่นนี้แล้ว ก็ไม่ต้องกังวลว่า พกไปแต่ไฟล์.ppt แล้วเพลงจะไม่เล่น

ที่สำคัญ ไฟล์เสียงที่จะแนบ ห้ามใหญ่กว่าขนาดไฟล์ที่กำหนดไว้จากการตั้งค่าเบื้องต้น มิเช่นนั้นแล้วมันจะกลายเป็นการเชื่อมโยงเหมือนเดิม

เมื่อเรารู้วิธีแนบ/ฝังไฟล์เสียงแล้ว ทีนี้ลองมาดูกัน ว่าเราสามารถเล่นลูกเล่นนี้ยังไงกันบ้าง

มาลองทำ PowerPoint เพลงกัน !

เริ่มต้นจากไฟล์.ppt ที่เราใส่เพลงไว้แล้ว
การนำเสนอภาพนิ่ง --> การเคลื่อนไหวแบบกำหนดเอง
จะเป็นการกำหนดการเคลื่อนไหวของเนื้อหาภายในสไลด์ ในรูปแบบต่างๆ


ทีนี้ก็เป็นขั้นตอนของการเพิ่มแอนนิเมชั่น Animation  ให้เนื้อเพลง


คลิ้กที่ข้อความในบรรทัดหนึ่งๆ ด้วยการคลุมทั้งประโยค  ซึ่งสามารถแบ่งใส่แอนนิเมชั่นที่ต่างกันไป สำหรับแต่ละบรรทัด


หรือคลิ้กทั้งกล่องข้อความเลย ซึ่งจะได้แอนนิเมชั่นแบบเดียวโดดๆ ทั้งกล่อง 


หลังจากนั้นก็เป็นการกำหนดระยะความยาวของแอนนิเมชั่น ในการแสดงผล
เราสามารถกดเพื่อแสดงเส้นเวลาขั้นสูง เพื่อสะดวกต่อการจัดเรียงระยะความยาวของแต่ละแอนนิเมชั่น


ก็จะเห็นเส้นแสดงเวลา ของแต่ละแอนนิเมชั่น หากคิดว่ามองไม่สะดวก ก็ลากช่องขวาให้กว้างขึ้นได้


จากนั้นก็ปรับเวลาตามที่เราต้องการ ปรับไปตามจังหวะ และระยะความยาวของเพลงแต่ละท่อน


สำหรับการเปลี่ยนหน้าสไลด์ ก็สามารถตั้งค่าให้มันเปลี่ยนหน้าต่อไปโดยอัตโนมัติ แทนการคลิ้กเมาส์เปลี่ยนหน้า โดยการไปที่
ภาพเคลื่อนไหวแบบกำหนดเอง --> การเปลี่ยนภาพนิ่ง


ปรับที่ เลื่อนภาพนิ่ง ว่าจะเอาเป็นคลิ้กเมาส์ หรือ อัตโนมัติ หลังจาก .... (ของการเล่นแอนนิเมชั่นสุดท้ายในหน้าสไลด์นั้นๆ)


การ จะปรับเวลาเหล่านี้ ทั้งเวลาของแต่ละบรรทัด หรือเวลาของการเปลี่ยนหน้าสไลด์ เราคงต้องค่อยๆ ทำไป ค่อยๆ ทวนฟังเพลง และปรับเวลาไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะใช้เวลา และความอดทน พอสมควร ที่จะปรับจนได้เนื้อเพลงทั้งเพลง ที่เล่นไปกับเพลง

เมื่อปรับแต่งเส้นเวลาเสร็จหมดแล้ว ก็อย่าลืมที่จะตรวจดูอีกทีว่า เพลงนั้นๆ มันเล่นจบไปจนสไลด์สุดท้ายหรือไม่


จากนั้นก็เป็นการปรับไอค่อนเพลง ว่าจะให้ซ่อนระหว่างแสดงสไลด์โชว์หรือไม่


หากว่า ยังรู้สึกว่าไอค่อนนี้รำคาญตา แม้ว่ามันจะซ่อนตอนเล่น แต่หากว่าไม่อยากให้มันโผล่อยู่กลางจอก่อนการเล่น ก็สามารถปรับความคมชัดของไอค่อนได้เช่นกัน ด้วยการจัดรูปแบบรูปภาพ และปรับความสว่าง และความคมชัดไปเท่าที่เราพอใจ


เท่านี้ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นของการสร้างไฟล์เพลง.ppt หรือจะเซฟเป็นไฟล์.pps PowerPoint Show ก็ได้เช่นกัน (ปิดการแก้ไขใดๆ ภายในไฟล์)